
ตร.รถไฟรวบ 2 สามีภรรยาหวังรวยทางลัด ขนยาเสพติดมูลค่า 5 ล้านล่องใต้
ประจวบคีรีขันธ์ - ตร.รถไฟรวบ 2 สามีภรรยาหวังรวยทางลัด ขนยาเสพติดมูลค่า 5 ล้าน ขึ้นขบวนรถเร็วที่ 171 วิ่งระหว่าง กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ช่วงสถานีรถไฟหัวหิน-สถานีหนองแก
จากการสั่งการของ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. เนื่องด้วยในขณะนี้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้หลีกเลี่ยงการขนส่งทางบกหันมาใช้การขนส่งยาเสพติดทางรถไฟแทน จึงให้ตำรวจรถไฟจัดชุดปฏิบัติการขึ้นตรวจเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด วันนี้ (1 ก.พ.) ขณะที่ ร.ต.อ.เริ่ม เกตุสุวรรณ์ สว.ส.รฟ.หัวหิน กก.3 บก.รฟ. นำกำลังตำรวจรถไฟขึ้นตรวจตราสิ่งผิดกฎหมายบนขบวนรถเร็วที่ 171 วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ช่วงสถานีรถไฟหัวหิน-สถานีหนองแก มาถึงโบกี้ที่ 16 เลขที่นั่ง 34 และ 36 พบชายหญิงคู่หนึ่งเมื่อเห็นตำรวจท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นกล่องกระดาษที่ชั้นวางของริมทางเดินข้างตัว
เมื่อเปิดออกพบยาบ้ามัดเป็นห่อในถุงพลาสติก จำนวน 20,200 เม็ด และยาไอซ์ในถุงชาเขียวหนักรวม 2 กิโลกรัม คิดมูลค่าราว 5 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่จึงควบคุมตัวนำตัวมาสอบสวน ทราบชื่อคือ นายสุเมธ ยินดีอำไพ อายุ 37 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 28/2 หมู่ที่ 1 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี และ น.ส.โชติกา ไทยปาน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 5 ถ.หน้าเมือง ซ.5/1 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับจ้างขนยาเสพติดดังกล่าวจากพรรคพวกคนหนึ่งโดยได้ค่าจ้างมาแล้ว 2 หมื่นบาท ให้ไปรับยาเสพติดจากโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) เพื่อนำไปส่งลูกค้าที่ อ.สวี จ.ชุมพร และ จ.นครศรีธรรมราช และจะมีคนมารับอีกทอดหนึ่ง แต่ระหว่างทางโดนจับกุมเสียก่อน
จากนั้นได้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพบไม่มีไข้ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
1.นายเอกพงษ์ แก้วสา (1-1027-00773-73-7 )อายุ 22 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 72/1 ถนนนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
2.นางสาวเมทนี สุภาพ (1-3306-00091-16-9) อายุ 23 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ 12 ตำบลสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีษะเกษ
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) บรรจุถุงชาจีนสีเขียวเหลืองมีอักษรภาษาอังกฤษ GUANYINWANG รูปดาวแดง 5 ดวง จำนวน 1 ถุง น้ำหนักประมาณ 0.5 กิโลกรัม
3. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO สีดำรุ่น A31 หมายเลขโทรศัพท์ 061 775 5456
4. กระเป๋าเดินทางแบบล้อลากสีน้ำเงินยี่ห้อ besico จำนวน 1 ใบ
5. ตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ ขบวน 9085 หมายเลข A 9435-42164 และ หมายเลข A 9435-42165 จากสถานีรถไฟบางซื่อปลายทางสถานีรถไฟทุ่งสง จำนวน 2 ใบ
6. กระเป๋าเป้แบบสะพายหลังสีฟ้ายี่ห้อ SUPREME จำนวน 1 ใบ
วันนี้ ( 2 ก.ค. 2562 ) ที่บก.รฟ.พล.ต.ต.ชำนาญ ชำนาญเวช ผบก.รฟ. สั่งการ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.2 บก.รฟ.,พ.ต.ท.ชนะภัย วิเชียรเกื้อ สว.ส.รฟ ศิลาอาสน์ นำกำลังจับกุมนาย บรรจง ดุลยพันธ์ธรรม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 6 ต.โมโกร อ.อุ้มผาง จ.ตาก พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 30 มัด กว่า 60,200 เม็ด
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าขบวนการยาเสพติดได้พัฒนาวิธีการนำเข้ายาเสพติดมาในรูปแบบกองทัพมดทยอยลำเลียงมาตามชายแดน ก่อนใช้ไทยเป็นทางผ่านลงใต้ส่งให้นายทุนประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้รถไฟเป็นพาหนะ กระทั่งระหว่างที่ตำรวจประจำหน่วยบริการเชียงใหม่ได้ทำการตรวจสอบบริเวณสถานีรถไฟเชียงใหม่และบนขบวนรถไฟรถด่วนพิเศษที่ 10 (อุตราวิถี) เส้นทาง เชียงใหม่-กรุงเทพฯ คันที่ 4 เลขที่นั่ง 16 ก็พบผู้ต้องหารายนี้นั่งอยู่บนขบวนรถไฟลักษณะท่าทางมีพิรุธ จึงได้ขอทำการตรวจค้นสัมภาระก็พบยาบ้าจำนวนดังกล่าว ซุกซ่อนในกล่องโฟมภายในมีการบรรจุดอกดาวเรืองปิดอำพรางอยู่ จึงได้ทำการจับกุม
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่ายาเสพติดดังกล่าวเป็นของนายโน๊ต ซึ่งมาติดต่อว่าจ้างให้ตนนำยาเสพติดดังกล่าวจากตลาดกาดหลวงโดยสารรถไฟขบวนดังกล่าวไปวางไว้บริเวณอาคารผู้โดยสารสถานีรถไฟหัวลำโพง จากนั้นจะมีคนมารับยาบ้าไปอีกทอดหนึ่ง โดยได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกดำเนินคดีในข้อหา“ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย มาก่อนหน้านี้ โดยครั้งนั้นถูกดำเนินคดีติดคุกนาน 12 ปี และเมื่อพ้นโทษก็ออกมาทำอีก
นอกจากนี้ยังจับกุมน.ส.กฤษฏาพร ดือเระ อายุ 42 ปี ,นางเจะรอกีเยาะ ดือเระ อายุ 47 ปี ,น.ส.พารีต๊ะห์ สือรี อายุ 56 ปี ,น.ส.สารีนา หะมะ อายุ 31 ปี ,น.ส มัชหระ ยูโซ๊ะ อายุ 41 ปี และ น.ส.กุนาราณี ยือแร อายุ 21 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.สงขลา ได้ที่บริเวณที่นั่งพักผู้โดยสารชานชาลาที่ 4 ภายในสถานีรถไฟเชียงใหม่ ต.วัตเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ขณะเตรียมขึ้นรถไฟโดยสารลงใต้ไปยังจังหวัดสงขลา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 152,200 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนไปส่งให้เอเยนต์ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งได้ค่าจ้างในการขนมัดละ 10,000 บาท เป็นเงินจำนวน 7.6 แสนบาท อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนขยายผลหาความเชื่อมโยงเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง สภ.แม่ปิง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันที่ 6 ก.พ. 2561 ที่สถานีตำรวจรถไฟหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.รฟ. พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.มงคล พรหมเมศร์ สว.ตำรวจรถไฟหัวหิน พร้อม ตำรวจ บช.ปส. ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 7 ร่วมกันตรวจสอบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 5 ใบและกระเป๋าเป้อีก 4 ใบ บนขบวนรถเร็วที่ 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก ซึ่งคนขนโดดหนีกลางทาง จากการตรวจค้นพบว่ากระเป๋าทั้ง 9 ใบ มียาไอซ์บรรจุถุงๆละกว่า 1 กิโลกรัม วางเรียงอัดแน่นเต็มทุกกระเป๋า โดยกระเป๋าเดินทางบรรจุใบละ 36-44 ก้อน ส่วนกระเป๋าเป้ บรรจุใบละ 11-14 ก้อน นับรวม 250 ก้อน น้ำหนักหนักรวมกว่า 300 กิโลกรัม มีมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. และตำรวจรถไฟ สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาไอซ์ล็อตใหญ่มาทางรถไฟเพื่อลงภาคใต้ ด้วยขบวนรถเร็วที่ 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก โดยหลังจากรถไฟออกจากกรุงเทพฯ และกำลังแล่นเข้าสถานีรถไฟบ้านโป่งคาดว่ากลุ่มผู้ต้องหา 4 คนที่ขนมาไหวตัวทัน เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ปะปนไปกับขบวนรถฉวยโอกาสช่วงรถไฟวิ่งเข้าสถานีกระโดดรถไฟหลบหนีไปได้
ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าในโบกี้ที่ 13/1 เป็นรถนอนแบบพัดลม เลขที่นั่ง/นอน 1-4 พบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 5 ใบ เป้สะพาย 4 ใบ มียาไอซ์ ซุกซ่อนมาเป็นจำนวนมาก จึงได้คุมขบวนรถไฟมาตรวจสอบที่สถานีรถไฟหัวหิน โดยเข้าตรวจค้นทุกตู้โบกี้ รวม 18 ตู้โบกี้ โดยขอให้ผู้โดยสารลงไปรอด้านล่างก่อน ถือเป็นการสกัดจับยาไอซ์ที่ขนลงภาคใต้ล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับกุมได้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและเก็บดีเอ็นเอ และรอยนิ้วมือแฝงจากบนถุงยาไอซ์และที่กระเป๋า เพื่อนำไปตรวจสอบหาตัวคนร้าย ขณะที่ตำรวจอีกชุดจัดกำลังออกติดตามตัว 4 คนร้ายที่กระโดดลงรถไฟหลบหนีไปแล้ว ส่วนของกลางทั้งหมดคาดว่าจะนำเข้ากรุงเทพฯเพื่อแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อไป
ต่อมาตำรวจได้บุกจับ ทีมขนยาไอซ์ ที่โดดรถไฟหนีกลางทางที่บ้านโป่ง ได้ สอบสวนรับสารภาพว่า ยาไอซ์ทั้งหมดถูกนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านริมฝั่งโขง แล้วถูกสั่งให้ไปรับที่บ้านเหล่าสวนกล้วย ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รวม 10 กระสอบ จากนั้นแยกใส่กระเป๋าเดินทางเพื่อความสะดวกและไม่เป็นจุดสนใจ แล้วนั่งรถโดยสารมาลงที่กรุงเทพฯ ก่อนขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพงปลายทาง อ.หาดใหญ่ ซึ่งจะมีผู้มารับไอซ์ทั้งหมดส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป แต่ไม่เป็นไปตามแผน เมื่อนั่งมาถึงสถานีรถไฟบ้านโป่ง มีตำรวจรถไฟเดินตรวจกระเป๋าและดูแลความสงบเรียบร้อย ด้วยความกลัวถูกจับจึงตัดสินใจหนีลงรถไฟ แล้วเข้ากบดานอยู่ในห้องพัก แต่ไปไม่รอดถูกจับตัวในที่สุด ยาไอซ์ทั้งหมดที่พวกรับจ้างขนมีน้ำหนักรวม 500 กิโลกรัม แบ่งส่งเป็น 2 รอบ รอบละ 250 กิโลกรัม ซึ่งรอบแรกส่งไปเมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมาแล้วด้วยวิธีการเดียวกันนี้ ส่วนครั้งนี้ล้มเหลว แต่หากส่งสำเร็จจะได้ค่าแรงคนละ 1 แสนบาท
วันที่ 12 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจรถไฟหาดใหญ่ นำโดย พ.ต.ท.ชาญศราวุธ แสงอรุณ สารวัตรสถานีตำรวจรถไฟหาดใหญ่ กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจรถไฟ ร.ต.ต.เติมเต็ม กีตา รองสารวัตรสถานีรถไฟหาดใหญ่ ร่วมกับกำลัง อส.รถไฟหาดใหญ่จับกุมยาบ้าล็อตใหญ่จำนวน 2 แสนเม็ด มูลค่าประมาณ 24 ล้านบาท ซึ่งถูกลักลอบขนมากับรถไฟสายใต้ขบวนรถด่วนพิเศษ 41 กรุงเทพฯ-ยะลา โดยซุกซ่อนมาในกล่องกระดาษทีวีขนาด 40 นิ้วจำนวน 20 มัด และเจ้าหน้าที่ตรวจพบขณะถึงปลายทางที่สถานีไฟจ.ยะลา และมี ส.ต.ท.วีรยุทธ ตำรวจสังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรยะลา มารับของเจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวเอาไว้และนำกลับมาสอบสวนร่วมกับตำรวจกองปราบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผลไปยังที่มาและขบวนการค้ายาบ้ากลุ่มนี้
จากการสอบสวน ส.ต.ท.วีรยุทธ ให้การเบื้องต้นว่า มีเพื่อนซึ่งเป็นทหารพรานอยู่ในพื้นที่จ.นราธิวาส ขอให้มารับของที่ฝากมากับรถไฟขบวนนี้ โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 1 แสนบาท แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรมาทราบอีกทีว่าเป็นยาบ้าเมื่อถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมขณะมารับของ แต่เป็นเพียงคำให้การในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ปักใจเชื่อเนื่องจากพบพิรุธหลายอย่างเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้าล็อตนี้และขบวนการค้ายาบ้ากลุ่มนี้
พ.ต.ท.ชาญศราวุธ แสงอรุณ สารวัตรสถานีตำรวจรถไฟหาดใหญ่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลยาบ้าล็อตนี้ มีชายคนหนึ่งนำขึ้นรถไฟมาจากสถานีรถไฟบางซื่อโดยวางไว้ที่ตู้ 2 ตรงเก้าอี้ 72 และเมื่อมาถึงสถานีรถไฟทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ชายคนนี้ได้ลงจากรถ และวางกล่องกระดาษที่ใส่ยาบ้าเอาไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟหาดใหญ่และอส.รถไฟหาดใหญ่ประจำขบวนรถพบพิรุธเพราะถูกวางไว้บนเก้าอี้แต่ไม่มีเจ้าของจึงตรวจดูก็พบว่าเป็นยาบ้า และรอจนถึงขบวนรถวิ่งสุดปลายทางที่สถานีรถไฟยะลา และเฝ้าจับตาว่าใครเป็นผู้มารับของ กระทั่งพบว่า มี ส.ต.ท.วีรยุทธ เป็นผู้มาติดต่อรับของเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวเอาไว้
โดยหลังจากนี้จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาสอบสวนขยายผลต่อไปเพราะเชื่อว่าเป็นขบวนการใหญ่และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมด้วย